รู้ทันป้องกันมะเร็งปากมดลูก



          มะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของหญิงไทยเป็นอันดับสอง รองลงมาจากมะเร็งเต้านม ทุกๆ 2 นาที จะมีผู้หญิงเสียชีวิต 1 คน พบมากในช่วงอายุ 35-50 ปี

          นพ.วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล นายกสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย อธิบายถึงสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกว่า จากงานวิจัยพบว่าเกิดจากเชื้อเอชพีวี ซึ่งสามารถพบได้ในที่อับชื้น เช่น ด้ามกดชักโครก ที่รองนั่ง ก๊อกน้ำ แต่สาเหตุหลักของการติดเชื้อคือ การมีเพศสัมพันธ์

          ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งเสริมให้เป็นมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ 
- การมีคู่นอนหลายคน 
- การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย 
- มีการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรหลายครั้ง 
- มีประวัติการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 
- การรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานๆ 
- การสูบบุหรี่หรืออยู่ในบริเวณที่มีควันบุหรี่ 
- ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และสตรีที่ไม่เคยได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมาก่อน

          ในระยะเริ่มแรกจะไม่แสดงอาการใดๆ แต่หากเป็นมากแล้ว จะสังเกตอาการหรือสัญญาณเตือนภัยของมะเร็งปากมดลูกได้จากการตกเลือดทางช่องคลอด โดยเลือดที่ออกจะมีลักษณะเป็นเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างมีรอบประจำเดือน เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีน้ำออกปนเลือด ตกขาวปนเลือด และเลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือน เมื่อมะเร็งลุกลามมากขึ้นจะมีอาการขาบวม ปวดหลังรุนแรง ปวดก้นกบและต้นขา ปัสสาวะเป็นเลือด และถ่ายอุจจาระเป็นเลือด

“มะเร็งปากมดลูกสามารถรักษาและป้องกันได้ เพียงดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยทุกๆ 2-3 ปี รวมถึงการฉีดวัคซีนเอชพีวี เพื่อป้องกันต้นเหตุ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงหรือลดความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับเชื้อเอชพีวี”

 ***เพิ่มเติม***
เชื้อ HPV แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ 
-กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง (High risk HPV) มี 13 ชนิด คือ 16, 18, 31, 33, 35, 39, 45, 51, 52, 56, 58, 59, 68
-กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ (Low risk HPV) ได้แก่ 2, 3, 6, 11, 42, 43, 44 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูก

ขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.thaihealth.or.th/Content
                                 http://cervicalcancerthai.blogspot.com/