ในตำรายาจีนโบราณได้ใช้รากของหน่อไม้ฝรั่งใช้รักษาเกี่ยวกับข้ออักเสบ แลอาการของคนที่มีบุตรยากโดยทางการแพทย์แล้วในหน่อยไม้ฝรั่งมี ไกลโดไซด์เตียรอยด์ที่อยู่ในรากของหน่อไม้ฝรั่งจะช่วยลดอาการอักเสบ นอกจากนั้นในหน่อยไม้ฝรั่งมีสารอาหารที่สำคัญ เช่น กรดโฟลิก วิตามินซี โพแทสเซียม เบต้าแคโรทีน ไกรโฟลิก ซึ่งสารเหล่านี้ช่วยในการป้องกันมะเร็งในที่ต่างๆ อย่างเช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ และโรคเกี่ยวกับหัวใจได้ด้วย ช่วยรักษาความดันให้ปกติ ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ต้านไวรัสบางชนิดในการทดลองพบว่าเป็นยาขับปัสสาวะ (โอ้โฮ้ มีประโยชน์มากๆ) และเป็นพืชทางเศรษฐกิจที่สำคัญด้วย เราสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายชนิด ทั้ง ผัด ต้น แต่การที่จะเก็บและการเลือกหน่อไม้ฝรั่งมีเทคนิคต่างๆ
![](https://1.bp.blogspot.com/--cA8DbEYURw/VsgHpzvYT-I/AAAAAAAAAP8/4Avf556Ujrk/s200/16007_1.jpg)
การเก็บหน่อไม้ฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่งสามารถที่จะเก็บไว้ได้นาน 2 – 3 วันโดยการใส่ถุงและปิดปากถุงให้สนิทไม่ให้อากาศเข้านำไปแช่ที่ตู้เย็นแต่ควรให้ก้านตรงโดยวางแนวนอนไม่ควรวางตั้งขึ้น หากต้องการเก็บไว้ได้นานกว่าให้ทำการแช่แข็งจะเก็บไว้นานขึ้น 5 – 6 วัน หากต้องการเก็บรักษาไว้นานสามารถใช้วิธีอื่นอย่างเช่นการดอง การต้มหรือว่าการลวก แต่จะทำให้รสชาติเสียไป และหากจาลวกหรือนึ่งเสร็จจะต้องเก็บไว้ในถึงแช่เย็นเช่นกัน
การลวก การที่จะลวกให้ได้รสชาติคงเดิมให้มากที่สุดสามารถทำด้วยการต้มน้ำให้เดือด แล้วนำหน่อไม้ฝรั่งลวกลงไป 2 – 5 นาทีแล้วแต่ก้านแก่หรืออ่อนหรือจะให้ซีดพอประมาณ เมื่อได้ที่แล้วให้นำไปแช่ในน้ำเย็น เมื่อเย็นแล้วไปสะเด็ดน้ำให้แห้ง สามารถนำมารับประทานกับน้ำพริกหรือว่าไปแช่เย็นจะได้เก็บไว้ได้นาน
การนึ่ง ให้ใช้ซึ้ง หรือว่าอย่างอื่นสำหรับนึ่งให้รอน้ำเดือดพอประมาณแล้วให้นำหน่อไม้ฝั่งใส่ที่ไอน้ำปิดฝารอประมาณ 3 – 6 นาที หลังจากนั้นก็นำมาแช่น้ำเย็นปล่อยให้เย็นแล้วนำไปสะเด็ดน้ำออก การลวกการนึ่งสามารถเก็บไว้ได้นานแต่จะสูญเสียคุณภาพได้
****ที่สำคัญไม่ควรปลอกเปลือกหน่อไม้ฝรั่งน่ะครับ (ถ้าปลอกควรปลอกเฉพาะบริเวณโคน)****
ขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.krabork.com/